One belt One Road ของจีน กับอนาคตการค้าระดับโลก

ผมเชื่อว่าทุกคน คงเคยได้ยินกับคำว่า One belt One Road (OBOR) ซึ่งเป็นอภิมหาโปรเจคขนาดใหญ่ของโลก ที่ริเริ่มโดย ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน แต่จะมีสักกี่คน ที่จะตระหนัก และเข้าใจ ถึงการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ ที่ได้คืบคลานมาถึงประเทศไทยแล้ว

ผมขออธิบายสั้นๆว่า โครงการนี้ ทำขึ้นเพื่อเชื่อมโลกใบนี้ เข้าด้วยกัน ทั้งทางบก และทางน้ำ โดยเชื่อมต่อหลักๆถึง 3 ทวีป ทั่วโลก นั่นคือ ยุโปร เอเชีย และแอฟริกา ส่งผลกระทบถึง 60 ประเทศ นั่นหมายความว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่กับโลก จะมีการแลกเปลี่ยนทั้งทางด้าน การค้าขาย สินค้า บริการ วัฒนธรรม แรงงาน นวัตกรรม เทคโนโลยี และอีกมากมาย

โครงการ OBOR มีคำนิยามอีกชื่อหนึ่ง ว่า “Digital Silk Road” โดยจะมีการเชื่อมโยงเมืองต่างๆเข้าด้วยกัน ภายใต้เทคโนโลยีที่มีความสำคัญกับการลงทุนและการค้า อย่างเช่น Big data, AI และรวมถึง Smart City

ใช่แล้วล่ะครับ โครงการ EEC ของไทย ก็เป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับโครงการ OBOR นี้ เนื่องจากการที่จะหลุดออกจากการเชื่อมต่อกับโลก คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ลองคิดถึงภาพที่รถไฟฟ้าผ่านหน้าบ้านของคุณ แต่สถานีอยู่ห่างออกไปอีก 2 กม. สิครับ ความเจริญต่างๆ คงไม่เกิดขึ้นที่หน้าบ้านของคุณแน่ๆ เช่นเดียวกัน โครงการ EEC จะเป็นตัวชูโรง ให้ประเทศไทย ไม่หลุดออกจากการเชื่อมต่อกับทั้งโลกผ่านโครงการ OBOR และจะเสริมสร้างให้เกิดการพัฒนาต่อเศรษฐกิจของประเทศของเราอย่างมาก

มาถึงตรงนี้คุณเริ่มมองเห็นอะไรหรือยัง? ทุกวันนี้คงปฏิเสธไม่ได้ ว่าสินค้าจากประเทศจีน เป็นสินค้าที่สามารถควบคุมให้ต้นทุนต่ำที่สุด นำมาซึ่งราคาขายที่แสนต่ำ ทำให้การแข่งขันทางด้านราคา กับสินค้าจีน คงมีแต่ความพ่ายแพ้กลับมา

การจะทำธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคตนั้น จะต้องหาจุดเด่นของสินค้า ให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้า ต้องมองให้ลึก และเข้าใจ ถึงการแก้ปัญหาต่างๆให้ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น ที่จะทำให้สามารถซื้อใจลูกค้าได้

การแข่งขันทางด้านราคาแบบเดิมๆ คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการทำธุรกิจในปัจจุบันและอนาคตอีกต่อไปแล้ว เพราะเรากำลังเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า “การค้าขายในระดับโลก”