ปี้ แป้ก ปิ๋ว = (ก็อป) ปี้ (แล้วดัน) แป้ก (ก็เลย) ปิ๋ว
- สกนธ์พัฒน์ อดุลยธรรม
- Feb 16, 2016
- 1 min read
แรงฮะ !! หัวข้อวันนี้ เน้นสั้นๆได้ใจความ ตามตัวอักษรเลยครับ เพราะเกิดจากความโมโห (ปนตลก) ส่วนตัวของผมเอง ที่ไปเห็นสิ่งที่เป็นตัวอย่างที่ดีของตัวอย่างที่ไม่ดีมาครับ ประมาณว่า เฮ้ย ทำแบบนี้ แล้วไงหว่า? การตลาดแบบนี้ เรียกว่าการตลาดเหรอ ผมก็เลยมานั่งคิดว่า แล้วแบบนี้ มันมีกี่ประเภทกันหว่า ที่คนจะเป็นนักการตลาด ได้ปล่อยของ (เสีย) ออกมาแล้วต้องพึงระวังเป็นพิเศษ ผมคิดว่ามันคงมีหลากหลายมากมายของสิ่งที่ต้องพึงระวังผลของมัน แต่ผมคิดวนไปวนมา มันมีแบบเดียวเท่านั้นแหละครับที่เรียกว่า พังแล้วกู่ไม่กลับเลย สมมุติว่ายอดขายเราร่วง อาจจะอัดโปร ให้มันขยับเขยื้อนขึ้นมาได้ ภาพลักษณ์ไม่ดี ก็สื่อสารกันใหม่ แต่ไอ้เรื่องที่ผมกำลังจะบอกเนี่ย แป้กแล้วแป้กเลย อัดโปรฯอะไรมาแทบไม่กระเตื้อง แก้ไม่ได้ด้วย หากผู้บริโภคตัดสินใจไปแล้วว่าทำแบบนี้มันไม่ Work!!

ก็อปปี้ไม่ดูตาม้าตาเรือ หรือง่ายๆก็คือ ลอกเลียนแบบกันมาแหละฮะ ก็กะจะเอาฮา หรือกะจะเอาคมแต่มันดันแป้กอย่างแรงนั่นแหละครับ ผมยอมรับนะครับว่า การตลาดในยุคนี้มีหลายครั้งที่เราทำตามๆกันกับต้นแบบ แล้วอาจจะได้ผลที่ดีตามคาด หรือตามแม่แบบของมัน อาทิ การขายครีม หรืออาหารเสริมที่เอาภาพถ่ายของคนหน้าตาดีๆหน่อยมาลงรีวิวภายในเว็บไซต์ (ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้น) แล้วก็ทำตามๆกันมาอย่างแพร่หลาย ชนิดที่เรียกได้ว่ากลายเป็นรูปแบบในการทำการตลาดขั้นพื้นฐานกันไปเลยทีเดียวของการขาย และการทำการตลาดในสินค้าประเภทนี้ แต่ !!! การก็อปปี้มาแบบสำเนา (เกือบ) ถูกต้องนั้น อาจทำให้คนส่วนใหญ่มองว่าไม่มีหัวคิดก็เป็นได้ ทั้งๆที่สินค้านั้นๆ อาจจะมีคุณภาพที่ดี หรือมีมุมมองที่น่าสนใจก็ตาม ทั้งในเรื่องของแบรนด์ หรือกระบวนการสื่อสารทางการตลาดต่างๆ ผมขอยกตัวอย่างที่คิดว่าทุกคนคงเคยเห็นกันแล้ว นั่นก็คือ เครื่องดื่มชาเขียวผสมน้ำจับเลี้ยงยี่ห้อ จจ (เซ็นเซอร์หน่อย) ที่ต้องบอกว่าปิดตามองยังรู้ว่าก็อปปี้มาจากแบรนด์ต้นแบบอย่าง ยย ผมเห็นครั้งแรกทางโฆษณาทีวีครับ แล้วก็ใบ้ไปเลย เพราะว่ามันเรียกว่าเหมือนกันแทบจะทุกๆจุดที่สำคัญ อันเป็นการรับรู้การมีตัวตนของสินค้าหนึ่งๆ ที่ผู้บริโภคพึงมี ที่เจ๋งไปกว่านั้น นั่นก็คือไม่ใช่แค่ผมคนเดียว แทบทุกคนที่ผมรู้จัก หรืออยู่ในแวดวงสังคมเดียวกับผม ก็คิดเหมือนผม และไม่เคยกินเครื่องดื่มยี่ห้อนั้นเลย ไม่ใช่เพราะมันไม่อร่อยนะครับ (ผมลองแล้วครับ ก็ดีครับ แบบว่าก่อนมาเขียนบทความนี้ แอบอยากรู้ครับ ว่ารสชาติมันเป็นยังไงครับ) แต่เราๆรู้สึกกันไปแล้วน่ะสิครับว่ามันไม่ Work ครับ มาแนวนี้ก็ไม่โอเคแล้ว แนบเนียนขนาดนี้ เหมือนคิดมาแค่ขั้นเดียวว่าเกาะกระแส หรือจงใจให้คนเกิดความสนใจในแบรนด์ว่าว่ากล้าดีแฮะ แต่ผลของมันกลับตรงกันข้ามเนี่ยสิ (ผมเองเคยพยายามลองคิดดูว่าถ้าจะเจาะตลาดของเครื่องดื่มผสมจับเลี้ยงฯ ที่มีเจ้าตลาดครองอยู่แบบนี้ จะทำยังไงดี ก็พบว่ามีหลายทางนะครับที่ยังเป็นทางเลือกอยู่ครับ) อุทธาหรณ์ของเรื่องนี้นั่นก็คือ ก็อปปี้น่ะนะครับมันไม่ใช่เรื่องแย่ครับ ถ้ามันมีหลักการ แต่ก็ต้องชั่งน้ำหนักให้ดีนะครับ ว่าผลของมันจะเป็นอย่างไร อย่ามองเพียงด้านเดียวนะครับ
Comments