ทำ Branding ทำไม? ส่วนสำคัญของ Business Plan ที่คนทำธุรกิจส่วนตัวมักมองข้าม

ในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรือธุรกิจส่วนตัว การคิด Business Plan ยังคงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้เช่นเดิม เพราะ Business Plan คือการวางเส้นทางที่จะมุ่งไปในอนาคต ทำให้เรารู้ว่า next step ที่จะต้องก้าวไปต้องเร็ว-ช้า หรือว่าหักหลบอะไร ตรงไหน เมื่อไหร่ ยังไง

หลายคนเข้าใจว่า Business Plan มีแค่กลยุทธิ์ด้านสินค้า ราคา ช่องทางการจัดจำหน่าย โปรโมชั่น และงบการเงินต่าง ๆ ที่จริงเข้าใจแบบนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร ในกรณีที่คุณเป็นเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่คนทั่วไปรู้จักกันดีอยู่แล้ว

แต่ในเมื่อเราเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว เป็นรายเล็ก การคิด Business Plan ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจส่วนตัวจะมีแค่นั้นไม่ได้ ถ้าคุณจะไปต่อและเติบโตอย่างมันคง คุณต้องสร้าง “แบรนด์” ของคุณให้เป็นที่จดจำให้ได้เสียก่อน เพราะแบรนด์คือสิ่งแรกที่เราจะสื่อสารไปให้ถึงลูกค้า สะท้อนออกมาผ่านองค์ประกอบหลายส่วน ทั้งโลโก้ แพ็กเกจ หรือกระทั่งภาษาที่เลือกใช้ก็ตาม

หลักในการทำ Branding ให้ปัง และเจ้าของธุรกิจส่วนตัวไม่ควรมองข้ามมีอยู่ 4 ข้อ

1. รู้จักตัวเองให้ดี ทั้งในมุมเขาและมุมเรา

สิ่งแรกที่คนทำธุรกิจส่วนตัวต้องรู้คือ เราคือใคร เราทำอะไร จุดแข็ง-จุดอ่อนของเราคืออะไร แต่การรู้จักตัวเองด้วยมุมมองของเราเองเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่พอ

การรับฟังความเห็นจากกลุ่มลูกค้าคืออีกสิ่งที่ทำให้เราสามารถพบจุดเด่น ข้อแตกต่างจากธุรกิจคู่แข่งอื่น ๆ ได้ดีที่สุด เพราะจุดแข็งที่เรายึดถือ อาจเป็นคนละจุดกับที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าก็เป็นได้

2. มองลูกค้าให้ลึกถึงความรู้สึกข้างใน

ในการทำ Branding ทุกครั้ง เจ้าของธุรกิจส่วนตัวควรศึกษาข้อมูล insight ของลูกค้าให้ดี ว่า สิ่งที่คนเหล่านั้นต้องการคืออะไร?

และเมื่อเราสามารถมอบสิ่งที่ตรงใจและตอบโจทย์ให้กับลูกค้าได้แล้ว พวกเขารู้สึกยังไงบ้าง ข้อมูลเหล่านี้เราสามารถนำมาใช้ในการสื่อสาร-การขายครั้งต่อ ๆ ไปได้ว่าถ้าพวกเขาเลือกใช้สินค้าของเรา เขาจะได้สิ่งที่เขาต้องการกลับไปแน่นอน

สมมติว่าเราเป็นบริษัทขายนมพร้อมดื่มที่มีสารช่วยให้หลับสบาย และพูดอยู่เพียงเรื่องนี้เท่านั้น ลูกค้าก็อาจจดจำว่าเราเป็นผลิตภัณฑ์ที่ ‘ดูมีประโยชน์ต่อร่างกาย’ เท่านั้น แต่ถ้าเราลองบิดการสื่อสารเล็กน้อยและบอกออกไปว่า เราคือผู้ช่วยที่ดี ที่จะทำให้คุณพบกับความผ่อนคลายในยามค่ำคืน หลับสบาย ไร้สิ่งรบกวน เราก็จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้ทั้ง ‘ประโยชน์ต่อร่างกาย’ และ ‘จิตใจ’ ด้วย

3. เรียบ สั้น กระชับ จับใจความให้แม่น

“Key message” หรือ “Key content” ที่เราสื่อสารออกไปจะต้องชัดเจนพอ รวมถึงการเลือกช่องทางการสื่อสารก็เป็นสิ่งที่จะละเลยไม่ได้!

จำเอาไว้ให้ดีว่า เราไม่ได้มีเงินทุนให้ถลุงเล่นเหมือนบริษัทใหญ่ขนาดหลายพันล้านที่สามารถซื้อโฆษณาในสื่อออนไลน์/ออฟไลน์ได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นแล้ว หากลุ่มลูกค้าของคุณให้เจอว่าพวกเขาเสพสื่อประเภทไหน และเป็นคนยังไง เพื่อสื่อสารออกไปให้ตรงจุดที่สุด

4. สังเกตให้มาก ปรับตัวให้ไว อย่าไปยึดติด

จุดที่เจ้าของธุรกิจส่วนตัวมักพลาดก็คือ การเดินตามแผนงานที่วางไว้โดยไม่หันมาสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทาง เช่นความเห็นของลูกค้าที่เกิดขึ้นใน Inbox เพจเฟซบุ๊กของแบรนด์ หากมีการถามคำถามเดิม ๆ เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา เราควรสังเกตเห็นให้ไวและหาโซลูชั่นในการแก้ไขทันที ว่าเราสามารถทำอะไรให้ดีขึ้นได้มากกว่านี้หรือไม่ นำข้อมูลตรงนี้ไปใช้ทำแคมเปญทางการตลาดเพื่อถึงยอด traffic ของคนอื่นได้ไหม สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากเราไม่ได้เป็นคนช่างสังเกต และยึดติดกับ Plan A ของตัวเองเพียงอย่างเดียว

เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Business Plan มีความสำคัญกับธุรกิจส่วนตัวมากจริง ๆ โปรดอย่าลืมใส่เรื่อง Branding เข้าไปในการทำ Business Plan บริษัทของคุณ ยิ่งแผนที่ในการเดินทางของคุณชัดเจนมากเท่าไหร่ อนาคตของคุณก็สดใสมากเท่านั้น

แต่ก็อย่าลืมว่า Business Plan เป็นเพียงแผนที่ในการ ‘ช่วย’ ให้เราเดินทางไปข้างหน้าเท่านั้ แต่หากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นระหว่างทาง ก็ขอให้พร้อมรับมือ และปรับตัว แก้ปัญหาให้ไว ปรับเปลี่ยนแผนให้เหมาะสมกับความถนัดของเราและความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุดครับ