ใบปลิวแผ่นพับ ไม่ธรรมดาที่ธรรมดา !!
- contact4721
- Jul 1, 2016
- 1 min read

หลายๆครั้งที่คุณผู้อ่านทุกท่าน ได้รับใบปลิว แผ่นพับ ที่แจกตามห้างสรรสินค้า หรือเสียบทิ้งไว้ที่บริเวณรั้วบ้านของท่าน คงเป็นที่ยอมรับกันว่า โดยทั่วไปเราแทบจะไม่ได้หยิบอ่าน และเก็บทิ้งไปในทันที โดยมิได้ชำเลืองมองเนื้อหาที่อยู่ข้างในด้วยซ้ำ จนถึงขนาดที่เรียกได้ว่า มองไม่เห็นว่าเป็นสินค้าประเภทใด หรือ เป็นแบรนด์สินค้าใด เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ทำให้นักการตลาดหลายท่านมองเครื่องมือทางการตลาดดังกล่าวนี้เป็นเครื่องมือที่ไม่มีประโยชน์ และอาจเหมาะสมแก่การใช้งาน เพียงบางประเภทของธุรกิจเท่านั้น สำหรับวันนี้ ผู้เขียนขออนุญาตนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ของการใช้เครื่องมือทางการตลาด ประเภทแผ่นพับ และใบปลิว ซึ่งอาจไม่ใหม่มากนักสำหรับผู้อ่านบางท่าน โดยสิ่งที่จะนำเสนอต่อจากนี้ไป เป็นสิ่งที่เกิดจากการลองผิดลองถูกของผู้เขียนโดยตรง ในแต่ละรูปแบบการใช้งาน และคาดหวังให้เป็นประโยชน์ หรือแรงบันดาลใจใหม่ๆ แก่ท่านผู้อ่านทุกท่าน
พื้นที่การแจก
ภายในเขตพื้นที่หัวเมือง อาทิ ขอนแก่น เชียงใหม่ เชื่อหรือไม่ว่าถ้าเปรียบเทียบงบประมาณในการจัดทำป้ายบิลด์บอร์ดในบริเวณที่เด่นสะดุดตา ย่านใจกลางเมือง อาจต้องใช้งบประมาณสูงถึงเกือบ 500,000 บาท ต่อเดือน ทั้งในแง่ของการออกแบบ การสั่งพิมพ์ผืนไวนิล ตลอดจนค่าเช้าป้ายซึ่งเป็นเม็ดเงินที่ไม่ธรรมดาสำหรับการประชาสัมพันธ์ในแต่ละครั้ง แต่หากลองมองในมุมกลับกัน การใช้เครื่องมือใบปลิวที่มีราคาต่ำเฉลี่ยแผ่นละ 5 – 1.3 บาท ซึ่งสามารถทำได้ในจำนวนมาก และทั่วถึง เรียกได้ว่าอาจได้รับผลลัพท์ทางการสื่อสาร ทัดเทียมกันกับการใช้ป้ายบิลบอร์ดเลยทีเดียว โดยในประเด็นดังกล่าวนี้พื้นที่การแจกจะต้องดำเนินการแจกในเขตพื้นที่ห้างสรรพสินค้าเป็นพื้นฐานสำคัญ เนื่องจากเป็นแหล่งรวมตัวของกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกันในเขตกรุงเทพฯ การแจกใบปลิวตามห้างสรรพสินค้า เราๆกันเองยังแทบจะไม่รับด้วยซ้ำ แต่พฤติกรรมดังกล่าวนี้แตกต่างโดยสินเชิงกับกลุ่มประชากรภายในเขตพื้นที่หัวเมือง (ทั้งขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก) ที่จะเปิดรับการแจกใบปลิว แผ่นพับ มากกว่า จึงเป็นการเพิ่มโอกาสทางการสื่อสารที่มีนัยสำคัญ แต่จะอ่านหรือไม่นั้น ทางผู้เขียนมีไอเดียนำเสนอเพิ่มเติมในลำดับถัดไป
วิธีการแจก
เรื่องนี้เป็นประเด็นที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่ง สำหรับการสื่อสารทางการตลาดของเครื่องมือประเภทนี้ กล่าวโดยสรุปนั่นก็คือ การประสานสายตา และการยิ้มนั่นเอง ปกติส่วนมาก การแจกใบปลิว แผ่นพับ คนแจกจะทำเพียงแค่ ยื่นใบปลิวให้แก่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเท่านั้น โดยมิได้สนใจว่าคนที่รับใบปลิวจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่รับ ก็เอาใหม่คราวหน้า แต่หากลองเพิ่มงบประมาณในการแจกใบปลิวลงไปเล็กน้อย ใส่ใจรายละเอียดขึ้นหน่อย มีการเพิ่มแรงจูงใจในการแจกผ่านรูปแบบของผลประโยชน์เสริมอื่นๆ เพื่อให้คนแจก ใส่ใจในรายละเอียดของการทำงาน โดยนอกเหนือจากการแจกใบปลิวเฉยๆ ยื่นๆไปอย่างนั้น แต่มีการมองตาของผู้รับ และใช้ Body language เพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์เล็กๆ เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ระหว่างผู้แจก กับผู้รับ เพียงเท่านี้ การสื่อสารดังกล่าวก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมยังเป็นการลดความน่าเบื่อในการทำงานของคนแจกใบปลิว แผ่นพับอีกด้วย และสุดท้ายการส่งสารของเราก็จะประสบผลสำเร็จได้โดยง่าย
สิ่งที่แจก
ใบปลิวขนาด A4 ปกตินั้น ต้องยอมรับว่า หากได้มีการแจกส่งไปถึงมือของผู้รับแล้ว ก็ยังมีจุดลังเลอีกว่าผู้อ่านจะสนใจในเนื้อหาหรือไม่ ถ้าอย่างนั้นลองเปลี่ยนวิธีการใหม่ ลดความหนาของกระดาษใบปลิวลง เหลือเพียงแค่เท่ากระดาษหนังสือพิมพ์ หรือกระดาษรองจานในร้านอาหารต่างๆ แต่เปลี่ยนขนาดจาก A4 เป็น A3 ซึ่งงบประมาณแทบจะไม่ต่างกันเลย แต่จากการเปลี่ยนแปลงขนาดของกระดาษดังกล่าวนั้น ทำให้ประสิทธิภาพของการแจกใบปลิวเพิ่มขึ้นสูงมาก (ตามประสบการณ์ของผู้เขียน คือ ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ในทุกๆครั้งที่ใช้เครื่องมืองทางการตลาดประเภทนี้) เพราะอะไรน่ะหรือ จริงๆก็มีเหตุผลประกอบกันในหลายๆอย่าง อาทิ ความใหญ่ของกระดาษเป็นตัวกระตุ้นความสนใจได้เป็นอย่างดี มากกว่าภาพ หรือเนื้อหาที่อยู่ภายในใบปลิว เนื่องจากเป็นสิ่งที่ประสาทสัมผัสสามารถรับรู้ได้ทันทีตั้งแต่แรกเห็น แต่จุดสำคัญที่สุดคือ เกมจิตวิทยาที่เกิดขึ้นจากการใช้ลูกเล่นของขนาดเป็นพื้นฐาน คือ ความรู้สึกเกรงใจหากไม่รับของใหญ่ขนาดนี้จากผู้แจก ตลอดจน อัตราการทิ้งทันทีเมื่อรับจากผู้แจก (สำหรับกรณีที่รับจากจุดรับบัตรจอดรถ) จะอยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก ซึ่งสำหรับใบปลิว หรือแผ่นพับ แทบจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จแล้ว หากทำให้ผู้รับรู้สึกว่าใบปลิวนั้นๆ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ขยะชั้นหนึ่ง จะส่งผลให้เกิดความสนใจ หรืออยากรู้อยากเห็นในลำดับถัดมา ว่าอะไรกัน เรื่องอะไรเหรอ ทำไมมันใหญ่ขนาดนี้
จากที่ผู้เขียนแบ่งปันไอเดียมาทั้งหมดนั้น ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะเป็นแนวคิดใหม่ๆให้ทุกท่านๆ เล็งเห็นถึงวิธีการในการสร้างแบรนด์ หรือทำโปรโมชั่นในแต่ละรูปแบบ ที่สามารถเล็งหวังผลสำเร็จ บนพื้นทางของงบประมาณที่ไม่มากจนเกินไป พบกันใหม่ครั้งหน้า จะลองนำเสนอสิ่งอื่นที่ได้เคยลองผิดลองถูกมาแชร์กันอีกครับ
โดย สกนธ์พัฒน์ อดุลยธรรม
Comments