ข้าว กับ สปาเก็ตตี้
- contact4721
- Jun 21, 2016
- 1 min read

ห่างหายไปนาน กับเรื่องราวน่ารู้ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ วันนี้เรากลับมาปัดฝุ่น กับเรื่องเดิมๆ ที่ไม่เดิมๆ สำหรับใครหลายๆคนกันนะครับ เอาล่ะอารัมพบทมาเยอะละ เข้าเรื่องเลยดีกว่า หัวข้อของสัปดาห์นี้คือเรื่องของ Avenue ห้างสรรพสินค้าแนวใหม่ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างสูงในปัจจุบัน ในหลากหลายกลุ่มช่วงอายุ และไลฟ์ไสตล์ ผมมานั่งนึกๆดู ก็เห็นหลายห้างไปรอด และไปไม่รอดในคราวเดียวกัน จึงเป็นคำถามที่ผุดขึ้นมาในใจว่า ไอ้เรื่องสูตรสำเร็จในการที่ห้างจะไปรอด หรือไม่นั้น คงจะไม่ใช่ว่ามีแค่ 1 – 2 ประเด็นหรอกครับ มันก็ต้องอ้างอิงในหลากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ แต่เรื่องนี้น่าจะมีปัจจัยร่วมบางอย่างละมั้ง สำหรับ Avenue ที่ดังระเบิดเถิดเทิงในแต่ละที่
ผมมีทฤษฏีกระพร่องกระแพร่ง (อีกแล้ว) ตามไสตล์มวยวัดเกมอสังหาฯของผม นั่นก็คือ ฮุคสำคัญที่สุดของความสำเร็จใน Avenue คือการทำให้เกิดความรู้สึกของการกินข้าว มากกว่า การกินสปาเก็ตตี้ (โอเค มาถึงตรงนี้ ตกลงกันก่อนนะครับ ว่ามันเป็นเรื่องของการอุปมาอุปมัย มันก็จะมีจุดโหว่บ้างเล็กๆน้อยๆจากการยกตัวอย่างที่เกิดขึ้น หยวนๆกันไปนะครับ) ใจความของคำพูดนี้ก็คือ การกินข้าว อาจจะไม่ได้หวือหวา น่าค้นหาอะไร แต่เป็นสิ่งจำเป็น และกินได้ทุกวันอย่างไม่น่าเบื่อ ในขณะที่สปาเก็ตตี้นั้น มีลูกเล่นโดดเด่นเร้าใจ แต่ก็อาจจะเป็นเพียงแค่ช่วงจานแรกๆ หลังจากนั้นจะเลี่ยน หรือไม่สามารถรับประทานได้ทุกวัน ซึ่งเหมือนกับการทำ Avenue ที่จะต้องสร้างความรู้สึกคุ้นเคยให้กับลูกค้าเป็นพื้นฐานสำคัญ มากกว่าเน้นความหรูหรา โฉบเฉี่ยว เพราะหากสามารถทำให้เกิดความรู้สึกสบายใจที่มาที่ห้างฯแล้วนั้น ก็อาจเรียกได้ว่าสำเร็จในการดำเนินงานทางการตลาดไปกว่าครึ่ง อาทิ การจัดส่วนผสมของร้านค้าให้มีความลงตัว หลากหลายเพียงพอแก่การมาใช้บริการ มิใช่กระจุกตัวอยู่เพียงบางประเภทของสินค้า หรือบริการเท่านั้น ตลอดจน การออกแบบดีไซน์ อาจไม่จำเป็นต้องเด็ดดวง Chat & Share กันสนั่นเมือง แต่เน้นการออกแบบที่เรียบง่าย และอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเป็นสำคัญ ความโปร่ง โล่ง ไม่แออัดจนเกิณไป เป็นรูปแบบของความสบายๆ ที่ไม่ต้องอัดความคิด ไอเดียลงไปมาก แต่กลับได้ผลตอบแทนที่เร้าใจกว่า
ที่มารูปประกอบ : www.goodtoknow.co.uk italian.food.com
โดย สกนธ์พัฒน์ อดุลยธรรม
Comentários