วัฒนธรรมองค์กร
- contact4721
- Jun 15, 2016
- 1 min read

ดูซีเรียสเหลือเกิน กับหัวข้อของสัปดาห์นี้ แต่รับรองได้ครับ ว่าอ่านไปแล้วไม่ปวดสมอง เบาปัญญา ตามสไตล์ของผมแน่นอนครับ อะไรคือวัฒนธรรมองค์กร ? จริงๆมันก็แปลตรงตัวตามตัวอักษรแหละครับ เป็นเหมือนค่านิยมที่เค้าทำตามๆกันมาเป็นรูปแบบเฉพาะของหน่วยงาน หรือบริษัทฯหนึ่งๆ จะซ้ำกันบ้างในแต่ละที่ก็แล้วไป แต่รับประกันได้ครับว่าไม่มีวันที่จะเหมือนกัน 100 % ซึ่งสำหรับผมนั้น เรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ถึงมากที่สุดเลยครับ เรียกได้ว่า หากเปรียบเทียบองค์กรใดๆก็ตามเป็นดั่งร่างกายแล้วนั้น วัฒนธรรมขององค์กรก็เป็นดั่งจิตวิญญาณเลยทีเดียว (โอ้โห วันนี้ผมสบถเยอะแฮะ อ่านทวนอีกรอบแล้วพึ่งรู้สึกตัว อ่านๆไปสักแป้บจะรู้ครับ)
ยังไงล่ะ ? เอาง่ายๆนะครับ วัฒนธรรมมันเป็นเรื่องของคนเป็นพื้นฐานใช่มั้ยครับ คนในที่นี้ก็อาจเรียกได้ว่าเป็นพนักงานภายในบริษัทฯของเรานั่นแหละครับ จึงเป็นเหมือนการสร้างบรรยากาศ หรือกำหนดรูปแบบการทำงานของพนักงาน ซึ่งผลงานของพนักงานก็คือผลประกอบการของบริษัทฯ ก็เลยอาจพูดได้ด้วยซ้ำว่าการวางวัฒนธรรมองค์กรให้มีประสิทธิภาพ เป็นรากฐานของความมั่นคงในระยะยาวของบริษัทฯ ทั้งในเชิงตัวเลข ตลอดจนภาพลักษณ์ หรือแบรนด์ขององค์กรเลยทีเดียว
เคยรู้ไหมครับ ? ว่าพนักงานในเครือเบียร์ และน้ำดื่มยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง สมมุติว่าชื่อสิงห์นะครับ (เคยได้ยินมาจากไหนไม่รู้ ว่าถ้าสมมุติจะไม่โดนแบน 555) เค้าจะพยายามอย่างสูงสุดที่จะไม่ดื่มน้ำ หรือเบียร์ยี่ห้อคู่แข่งฝ่ายตรงข้ามรายหลักเลย สมมุติว่าชื่อช้างแล้วกันครับ (สมมุติอีกละ) ในขณะเดียวกัน พนักงานในเครือช้างก็จะไม่ดื่มน้ำ หรือเบียร์ยี่ห้อสิงห์เช่นกัน เรื่องราวนี้ เป็นกันตั้งแต่พนักงานธรรมดา ยันไปจนถึงผู้บริหาร โดยยิ่งสูงยิ่งซีเรียส ถึงขนาดออกตัวแรงล้อฟรีเลยทีเดียว ซึ่งจากที่เล่ามาทั้งหมด แสดงถึงการปลูกฝังความรู้สึกภักดีภายในองค์กรของตนเองที่ชัดเจน จนถึงขนาดที่เกิดเป็นแรงผลักดันทางการแข่งขันเลยครับ และแน่นอนว่าหากวางรากฐานกันมาขนาดนี้ การแข่งขันก็จะรุนแรงไปในทุกระดับอย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว เอาๆๆ เอาอีกอันนะครับ (เสี่ยงโดนฟ้องกันเลยทีเดียว งานนี้ 555) สงครามน้ำดำก็เหมือนกัน ผมพูดถึงยุคเก่านะครับ สมัยที่พี่เป็บ กับเฮียโค้ง เค้ายังซัดกันอย่างหนักหน่วงเพียง 2 รายอะนะครับ ผมแอบไปทราบมาโดยบังเอิญว่า วิธีการคิดของพี่เป็บเนี่ยแอบโหด แต่เจ๋งครับ อาจจะฟังดูแรงไปสักหน่อย แต่เชื่อผมครับว่าความฮึกเหิมในการทำงานของพนักงานนั้นแรงมากตามความโหดของค่านิยมเรื่องนี้เลย ค่านิยมที่ว่านั้นก็คือ การคิดแผนการตลาด หรือวางกลยุท์ใดๆก็ตาม ยังไงดี ถึงจะทำให้พี่เป็บเนี่ยสามารถฆ่าเฮียโค้งได้ !!! แบบว่าไม่ได้ปลูกฝังว่าต้องขยัน หรือปั้นแบรนด์ของเราให้เป็นอันดับ 1 อย่างไรนะครับ ไม่ใช่เลย ทำไงก็ได้ เอาอีกฝ่ายให้ตายก็พอ ซึ่งบอกเลยครับ ว่าความขยัน และความกระตือรือร้นพลั่งพรูเลยทีเดียว พนักงานแต่ละคน Active กันสุดๆ เราเองก็คงจะเห็นกันใช่มั้ยครับ ว่าการตลาดเค้าฟาดฟันกันขนาดไหน
พอ พอ พอ !!! บทความเดียวเล่นเอาขาเหยียบคุกเลยครับ งั้นผมไม่พูดถึงคนอื่นละ พูดถึงบริษัทฯผมเองดีกว่า (ไม่โดนฟ้องแน่ๆ 555) อธิบายสั้นๆแล้วกันครับ คือบริษัทฯผมเนี่ย มีทั้งส่วนที่เป็นส่วนออกแบบดีไซน์ และส่วนที่เป็นโปรแกรมเมอร์ ซึ่งทั้ง 2 ส่วนที่ว่ามานั้น ติสต์แตกกันสุดๆ สิ่งที่ผมเอามาเป็นวัฒนธรรมขององค์กรก็คือ ตามสบายครับ ตามสบายคือขอให้งานเสร็จพอ จะเข้างานกี่โมง ลากี่วัน หายไปไหน ทำงานที่ไหน ไม่มีใครว่าอะไรทั้งนั้น ซึ่งต้องบอกก่อนนะครับ ว่าเรื่องนี้นานาจิตตังสุดๆครับ เพราะว่าบางคนก็มองว่าดี เนื้องานได้ ดูไม่เครียดด้วย แต่บางมุมมองก็มองเป็นดาบสองคม เพราะอาจไม่ยั่งยืน หรือไม่รองรับกับการขยายตัว สิ่งที่ผมอยากบอกจากเรื่องนี้นั่นก็คือ วัฒนธรรมองค์กร ออกมาจากตัวคุณนั่นแหละครับ จะดี จะร้าย หรือเป็นอย่างไร มันเริ่มที่ตัวคุณนั่นเอง ว่าแล้วก็ เอาไงกันดีครับกับองค์กรของคุณ :)
โดย สกนธ์พัฒน์ อดุลยธรรม
Comments